วิธีสมัครบัตร B 1st ของธนาคารกรุงเทพ
ไป เปิดบัญชีกับธนาคารกรุงเทพ เลือกเป็นบัญชีสะสมทรัพย์ หรือกระแสรายวัน ก็ได้ครับ แล้วก็ทำบัตร Be1st เลย เป็นบัตรเอทีเอ็มนี่แหละครับ แต่เดี๋ยวนี้สามารถนำมาใช้ซื้อของผ่านอินเตอร์เนตได้เหมือนบัตรเครดิตแล้ว สะดวกรวดเร็ว และสามารถรับรายได้ได้ด้วย ขอแนะนำบัตรนี้เหมาะที่สุดครับเอกสารที่ต้องเตรียม : บัตรประชาชนตัวจริง (หรือหนังสือเดินทาง) เท่านั้นครับ
*** ใช้เวลาเพียง 30 นาทีก็ใช้งานได้ทันทีครับไม่ต้องรอนาน แนะนำวิธีนี้ดีที่สุดครับ***
**ขณะติดต่อกับเจ้าหน้าที่ธนาคารบอกด้วยว่า ทำบัตร บีเฟิร์ต ด้วยนะครับ**
การเตรียมบัตร Be1st ให้พร้อมใช้ในระบบออนไลน์
1. บัตร Be1st รุ่นหลังบัตร ไม่มีเลข 3 ตัว ให้นำบัตรไปเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ นำสมุดบัญชี บัตรประชาชน และ บัตร Be1st ไปที่สาขาของบัญชี ขอทำบัตรรุ่นใหม่มีเลข 3 ตัวหลังบัตร บางสาขาจะรับบัตรได้เลยบางสาขา จะให้รอ 7 วัน (ระบบ ธ.กรุงเทพฯ บางสาขาล้าหลัง ส่วนใหญ่ต่างจังหวัด ลองถามดูว่าทำไมบางสาขาได้บัตรทันที เจ้าหน้าที่บางคนไม่ได้อัพเดทข้อมูลเลย ทางธนาคารปรับระบบให้รับบัตรได้โดยไม่ต้องรอ 7 วันแล้ว)
2. บัตร Be1st รุ่นใหม่ ที่มีเลข 3 ตัวหลังบัตร ก่อนนำไปสมัคร ธนาคารออนไลน์ ต้องทำขั้นตอนการ Verified by Visa กับ ธ.กรุงเทพฯ ก่อน มีขั้นตอนเป็น 3 ส่วน ดังนี้
- กด 1 เลือกภาษาไทย
- กด 7 เพื่อสมัครใช้บริการ Verified by Visa
- กด 1 ยืนยัน เพื่อทำการตั้งหมายเลขอ้างอิงสำหรับลงทะเบียน Verified by Visa
- กดหมายเลข16 หลัก หน้าบัตร Be1st ของคุณ
- กดเลขบัตร เอทีเอ็ม 4 หลัก (หรือ รหัสลับส่วนตัว (PIN) ของคุณ กรณีทำบัตรมาใหม่ ๆ)
- กดตั้งหมายเลขอ้างอิง 8 หลักที่คุณต้องการ และกด #
- กดหมายเลขอ้างอิง 8 หลัก เดิมอีกครั้งอีกครั้งเพื่อทำการยืนยัน และ กด #
เป็นอันเสร็จสิ้นการขอหมายเลขอ้างอิง(Reference Code)
นำเลขอ้างอิง 8 หลักที่ตั้งเสร็จ ไป Verified by Visa ที่ลิ้งค์ หน้าเว็บไซต์ของ ธ.กรุงเทพ ฯ
การทำ บีเฟิร์ส ที่ลิงค์ของธนาคาร มี 5 ขั้นตอน
1. ใส่เลข 16 หลัก หน้าบัตร บีเฟิร์ส กด next
2. Verify identity ตรงนี้ให้ใส่หมายเลขอ้างอิง 8 หลัก ที่ตั้งไว้ทางโทรศัพท์ กด next
3. Create password จะมีช่องให้กรอก
3.1 ข้อความอ้างอิง ตั้งอะไรก็ได้เป็นภาษาอังกฤษ
3.2 ตั้งพาสเวิร์ด 6 หลักเป็นตัวเลขอย่างเดียว แล้วกรอกพาสเวิร์ดซ้ำ 2 ช่องต้องเหมือนกัน
3.3 กรอกอีเมลที่ติดต่อได้สะดวก
3.4 เบอร์โทรศัพท์มือถือที่ติดต่อได้ ระบบจะใส่ 0 ไว้ให้ ใส่เลข 8….ต่อได้เลย
4. Terns Conditions ตรงนี้เป็นหน้าต่าง กฎกติกา ให้อ่านแล้วติ๊ก ยอมรับ กด next
5. สมบูรณ์
การตั้งวงเงิน
- กด 1 เลือกภาษาไทย
- กด 3
- กด 3 อีกครั้ง
- กดหมายเลข 16 หลัก หน้าบัตร Be1st
- กดเลขบัตร เอทีเอ็ม 4 หลัก
- กด 2 เพื่อตั้งวงเงิน
- กด 1 เพื่อตั้งวงเงิน 2 หมื่นบาท
หมายเหตุ : วงเงินที่ตั้งคือ วงเงินที่จะใช้จ่ายออนไลน์สูงสุดได้ในแต่ละวัน ไม่ได้หมายถึงจะต้องมีเงินในบัญชีถึงจะสมัครได้ และสามารถเข้ามาเปลี่ยนเพิ่มหรือลดได้ตลอดเวลา
- กด 3
- กด 3 อีกครั้ง
- กดหมายเลข 16 หลัก หน้าบัตร Be1st
- กดเลขบัตร เอทีเอ็ม 4 หลัก
- กด 2 เพื่อตั้งวงเงิน
- กด 1 เพื่อตั้งวงเงิน 2 หมื่นบาท
หมายเหตุ : วงเงินที่ตั้งคือ วงเงินที่จะใช้จ่ายออนไลน์สูงสุดได้ในแต่ละวัน ไม่ได้หมายถึงจะต้องมีเงินในบัญชีถึงจะสมัครได้ และสามารถเข้ามาเปลี่ยนเพิ่มหรือลดได้ตลอดเวลา
วิธีทำบัตร K-Web Card1. นำบัตรประชาชน ไปเปิดบัญชีออมทรัพย์ ที่ธนาคารกสิกรไทย พร้อมทั้งบอกว่า ขอเปิดใช้บริการ K-Cyber Banking ด้วย (เค-ไซเบอร์-แบ้งกิ้ง) เจ้าหน้าที่จะเอาแบบฟอร์มให้กรอก ต้องกรอกอีเมล และเบอร์โทรที่ติดต่อได้
(หากไม่มีอีเมล ให้เปิดอีเมลเอาไว้ก่อนไปธนาคาร)*ถ้ามีบัญชีกสิกรอยู่แล้ว ก็นำสมุดบัญชี+บัตรประชาชน ไปขอเปิด K-Cyber Banking ได้เลย (สาขาไหนก็ได้)2. กลับมาบ้าน รออีเมล์จากธนาคาร ประมาณไม่เกิน 24 ชม. เพื่อทำขั้นตอนต่อไปเลือก ระบบภาษา เป็นภาษาไทย ตามภาพ
ชื่อผู้ใช้งาน ใส่ (หมายเลขบัญชีธนาคาารของคุณ)
รหัสผ่าน ใส่(หมายเลข PIN 1 ที่ธนาคารให้มา)
คลิก เข้าสู่ระบบอ่านเงื่อนไข แล้วกดตกลง
กำหนดชื่อผู้ใช้งาน
ชื่อผู้ใช้ งาน พิมพ์ ชื่อที่เราต้องการใช้ Login กำหนด 6-8 ตัวอักษร โดย เป็นตัวอักษรทั้งหมด,ตัวเลขทั้งหมด หรือ ผสมกันก็ได้
ยืนยันผู้ใช้ งานอีกครั้ง พิมพ์ เหมือนเดิมอีกครั้งกำหนดรหัสผ่าน รหัสผ่านเดิม พิมพ์ รหัส PIN 1
รหัสผ่านใหม่ พิมพ์ รหัส ที่เราต้องการ ให้มี 8-10 ตัวอักษร โดย เป็นตัวอักษรทั้งหมด,ตัวเลขทั้งหมด หรือ ผสมกันก็ได้
ยืนยันรหัสผ่านใหม่อีกคร้ง พิมพ์ รหัสใหม่อีกครั้งให้เหมือนกันกรอกข้อมูลให้ครบ
รหัส รักษาความปลอดภัย
รหัส รักษาความปลอดภัยใหม่ พิมพ์ รหัสความปลอดภัยที่คุณตั้งขึ้นต้องมี 10-12 ตัวอักษร โดยเป็นตัวอักษรทั้งหมด,ตัวเลขทั้งหมดหรือผสมกันก็ได้
ยืนยันรหัสรักษาความปลอดภัยใหม่อีกครั้ง พิมพ์ รหัสความปลอดภัยที่คุณตั้งขึ้นอีกครั้งให้เหมือนกัน**แนะ นำให้ใช้รหัส OTP โดยเลือกที่ช่องแล้วใส่หมายเลขโทรศัพท์ลงไป โดยทุกๆครั้งที่มีการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านเว็บ จะมีการแจ้ง Password ไปที่โทรศัพท์ ทำให้เราไม่ต้องจำ แล้ว Password แต่ละครั้งก็จะไม่เหมือนกัน ดังนั้นจะปลอดภัยมากเจอ หน้านี้ ก็เรียบร้อยแล้ว กับ การตั้งค่าเมื่อเข้าสู่บริการครั้งแรกเข้าสู่หน้าจอหลัก นี่เป็นหน้าสมาชิกในเวปกสิกรไทยของคุณเอง ส่วนนี้คือส่วน ที่เค้าเรียกกันว่า บริการ K-Cyber Banking ที่คุณจะสามารถใช้บริการธนาคารออนไลน์ได้ โดยเฉพาะการดูรายการเคลื่อนไหวบัญชี เช่นการรับเงิน ถอนเงิน โอนเงิน ชำระเงิน ต่างๆเป็นต้นคุณก็สามารถ คลิกดูที่เมนูต่างๆได้ ลองหัดใช้ดูได้เลยการ กำหนดวงเงิน คือกำหนดว่า แต่ละเดือน เราจะจำกัดตัวเองให้ใช้เงินได้ไม่เกินกี่บาทต่อเดือน เช่น 2000 บาท หรือ 10,000 บาท (เฉพาะสำหรับบัตรเคเวปการ์ดใบนี้) ถ้าหากเดือนนั้น ใช้เงินจนเต็มวงเงินแล้ว ก็จะไม่สามารถใช้เงินได้อีก ในส่วนนี้ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอด เท่าที่เราต้องการแค่นี้เราก็สามารถเอาข้อมูลบัตรไปผูกกับ Alertpay ได้แล้ว
เสร็จแล้วคลิ้กแบนเนอร์นี้เพื่อสมัคร AlertPay
หากท่านต้องการให้ผมแนะนำขั้นตอนในการสมัครอย่างละเอียด
ท่านสามารถส่ง sms มา โดยพิมข้อความว่า CA แล้วส่งมาที่ 084-6444-579
การสมัคร AlertPay
การเตรียมความพร้อมก่อนทำการสมัคร สิ่งที่ท่านจะต้องมีคือ
1. บัญชี Alert Pay เพื่อการสมัครแอคทีฟ และ รับรายได้2. บัญชีบัตรเครดิต หรือ Be1st หรือ K-webshopping cards เพื่อ สมัครกับ Alert Pay
3. จำนวนเงินในบัญชีเครดิตสำหรับ Active
AlertPayคืออะไร
Alertpayคือธนาคารออนไลน์แห่งหนึ่งบน Internet ที่เราสามารถใช้ซื้อสินค้าและบริการ รับเงินค่าคอมมิชชั่น และโอนเงินระหว่างบัญชี เมื่อมีเงินในบัญชี AlertPay สามารถโอนเข้าธนาคารของประเทศไทยได้ ในอนาคตสำหรับผู้ที่ทำงานบน Internet ส่วนใหญ่ก็ต้องรับเงินทาง Internet ด้วยเช่นกัน ส่วนน้อยที่จะได้รับเงินเป็น ” เช็ค ” เพราะฉะนั้นถ้าหากเราคิดที่จะหารายได้ผ่าน Internet แล้วละก็ คุณไม่ควรพลาดที่จะต้องสมัคร Alertpay ไว้ด้วยเช่นกันทำไมต้องสมัครAlertPay
เพราะ บางเว็บไซต์เขาจะจำกัด จุดหมายของการรับเงินดังเช่นจ่ายผ่านเช็ค หรือจ่ายผ่านAlertpay หรือจ่ายทั้งสองแบบ ซึ่งเราไม่มีสิทธิ์เลือกได้เลยว่าจะให้เขาจ่ายเงินเราทางไหน เพราะเขาจะเป็นผู้กำหนดเองและ AlertPay ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ปลอดภัย และน่าเชื่อถือไม่แพ้ธนาคารออนไลน์แห่งอื่นเช่นกันบัญชีประเภท Personal Starter VS Personal Pro
ข้อ ควรรู้คือ หากบัญชีAlertPay ของคุณ มีเงินเข้ามากๆ จนเกินเดือนละ $400 หรือรวมกันแล้วเกิน $2,000 ต่อปี บัญชีของคุณก็จะถูกอัพเกรดเป็น Personal Pro โดยอัตโนมัติ ถึงตอนนั้นก็จะต้องเสียค่าธรรมเนียมเมื่อรับเงินเข้ามาที่ AlertPay เท่ากับ 2.5% ของยอดเงินที่รับ บวกกับอีก $0.25 (ในขณะที่ ถ้าเป็นบัญชี Personal Starter จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายส่วนนี้) ยกตัวอย่างเช่น คุณรับเงินเป็นจำนวนเงิน $500 คุณจะมีค่าธรรมเนียมการรับเงินเข้า AlertPay เท่ากับ (500 x 2.5%) + 0.25 = $12.75 เหลืออยู่ $487.25การ Verify บัญชี AlertPay
ทางAlertPay ไม่ได้บังคับ แต่ขอความร่วมมือผู้ใช้งาน ส่งเอกสารยืนยันตัวตนเข้ามาเพื่อเป็นหลักฐาน และเป็นประโยชน์กับตัวผู้ใช้งานเอง โดยเฉพาะในกรณีที่บัญชีเกิดปัญหา เช่น บัญชีถูกแฮ็คพาสเวิร์ด เป็นต้น แนะนำว่าให้ทำไว้ดีกว่าครับ เสียเวลาไม่มาก แต่ปลอดภัยกว่ากันเยอะครับ เอกสารที่ต้องส่งไปให้ AlertPay มีดังนี้ครับขั้นตอนการสมัครAlertPay
***การใส่บ้านเลขที่ห้ามมีเครื่องหมาย / เด็ดขาด ให้วรรคหรือ.จุดแทนก็ได้
ต่อไปเป็นวิธีการผูกบัตรเครดิตเพื่อใช้ในการสมัคร